“The Message” ถือเป็นเพลงฮิพฮอปคลาสสิกที่โด่งดังไปทั่วโลกในปี 1982 ประพันธ์โดย Grandmaster Flash and The Furious Five ซึ่งเป็นกลุ่มดนตรีฮิพฮอปจากบรอนซ์, นิวยอร์ก ในยุคทองของฮิพฮอป (Golden Age of Hip-Hop) เพลงนี้ไม่เพียงแต่สร้างความฮือฮาด้วยเสียงแร็ปที่ไพเราะและจังหวะที่ติดหูเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงสภาพสังคมที่ยากลำบากของย่านบรอนซ์ในขณะนั้นอีกด้วย
Grandmaster Flash and The Furious Five ก่อตั้งขึ้นในปี 1970 โดย Joseph Saddler (ชื่อบนเวทีคือ Grandmaster Flash) เป็นดีเจที่เชี่ยวชาญเทคนิคการหมุนแผ่นเสียงอย่าง “scratching” และ “quick mixing” ซึ่งกลายเป็นนวัตกรรมสำคัญของวงการฮิพฮอป สมาชิกในกลุ่มยังประกอบด้วย Melle Mel (Melvin Glover), Scorpio (Norman Griggs), Kidd Creole (Nathaniel Hardy) , Rahiem (Steven Smith), และ Cowboy (Guy O’Brien) ซึ่งแต่ละคนมีทักษะการแร็ปที่โดดเด่น
เพลง “The Message” เริ่มต้นด้วยการนำดนตรีของวง The Miracles ในเพลง “Love Machine” มาเรียบเรียงใหม่ โดยใช้จังหวะที่หนักแน่นและลูปเบสซินธ์ที่ไพเราะ เนื้อเพลงของ Melle Mel ซึ่งเป็นนักร้องนำของกลุ่มนั้น เป็นการระบุถึงความยากลำบากในชีวิตประจำวันของคนในย่าน Bron, Bronx
Melle Mel ร้องว่า “Broken glass everywhere people pissing on the stairs, you know they just don’t care…” เนื้อเพลงเช่นนี้สะท้อนให้เห็นถึงสภาพแวดล้อมที่เสื่อมโทรม, ความยากจน, และปัญหาทางสังคมในย่านBronx
“The Message” กลายเป็นเพลงฮิพฮอปแรกที่เข้าชาร์ต Billboard Hot 100 ซึ่งถือเป็นความสำเร็จอย่างมากในขณะนั้น เพราะฮิพฮอปยังไม่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย ความสำเร็จของเพลงนี้ได้เปิดทางให้กับศิลปินฮิพฮอปยุคหลัง และทำให้ประเภทดนตรีนี้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เนื้อหาและโครงสร้างของ “The Message”
สิ่งที่น่าสนใจ | ข้อมูล |
---|---|
นักแต่งเพลง | Grandmaster Flash and The Furious Five |
ผู้นำในการร้อง | Melle Mel |
ปีที่ออกจำหน่าย | 1982 |
อัลบั้ม | “The Message” (EP) |
สไตล์ | ฮิพฮอป, แร็ป |
เวลา | 6:30 |
เพลง “The Message” มีเนื้อหาที่ลึกซึ้ง และการใช้คำที่แข็งแกร่ง ทำให้เกิดความรู้สึกสมจริงและน่าคิด โครงสร้างของเพลงก็ไม่ธรรมดา มันเริ่มต้นด้วย Intro ที่เป็น Instrumental ซึ่งทำให้ผู้ฟังได้ซึมซับบรรยากาศก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อร้อง
ใน verse แรก Melle Mel ร้องถึงความยากลำบากของการหางาน, ความขัดแย้งในชุมชน, และความหวาดกลัวจากอาชญากรรม verse ที่สองกล่าวถึงปัญหาการติดยาเสพติด, การขาดโอกาสทางการศึกษา, และความสูญเสียของครอบครัว
Bridge ของเพลงเป็นส่วนที่แสดงให้เห็นถึงความหงุดหงิดและความสิ้นหวังของคนในย่าน Bronx Melle Mel ร้องว่า “It’s like a jungle sometimes…” ซึ่งเปรียบเทียบชีวิตในเมืองกับป่าอันโหดร้าย
จากนั้นเพลงก็ดำเนินไปด้วย verse สุดท้ายซึ่ง Melle Mel หวาดหวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้น แม้ว่าเนื้อเพลงจะเต็มไปด้วยความเศร้าโศกและความยากลำบาก แต่ “The Message” ก็จบลงด้วยโน้ตที่ให้ความหวัง
“The Message” และอิทธิพลต่อวงการฮิพฮอป
“The Message” ได้รับการยกย่องว่าเป็นเพลงฮิพฮอปที่สร้างสรรค์และมีอิทธิพลมากที่สุดเพลงหนึ่งในประวัติศาสตร์ มันเปิดทางให้กับศิลปินฮิพฮอปยุคหลังที่กล้าที่จะพูดถึงประเด็นทางสังคมและการเมือง
เพลงนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจให้เกิด “Conscious Hip-Hop” หรือฮิพฮอปที่มีเนื้อหาเชิงวิเคราะห์ ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาต่างๆ ในสังคม
สรุป
“The Message” เป็นเพลงฮิพฮอปคลาสสิกที่ไม่เพียงแต่มีดนตรีที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความจริงอันโหดร้ายของชีวิตในย่าน Bronx และสร้างแรงบันดาลใจให้กับศิลปินฮิพฮอปยุคต่อมา
เพลงนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าฮิพฮอปไม่ใช่แค่ดนตรีเพื่อความบันเทิง แต่ยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการสะท้อนสังคมและขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงได้